การเสริมสร้างพลังอำนาจครู
Posted on พฤศจิกายน 3, 2012 by cresadmin — No Comments ↓
การเสริมสร้างพลังอำนาจครูที่ลำปลายมาศพัฒนา
ประวิต เอราวรรณ์
จากการเยี่ยมศึกษาโรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาในหลายๆครั้งที่ผ่านมา
ผมพยายามอธิบายกระบวนการพัฒนาครูที่โรงเรียนพยายามดำเนินการในช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยกรอบแนวคิดการเสริมสร้างพลังอำนาจครู
หรือ Teacher Empowerment ได้ดังนี้
บุคลากรผู้ปฏิบัติงานในองค์การคือกลุ่มเป้าหมายสำคัญของการเสริมสร้างพลังอำนาจ ดังนั้นองค์การที่เป็นโรงเรียน
กลุ่มเป้าหมายที่ต้องเสริมสร้างพลังอำนาจก็คือ ครู
เพราะครูคือผู้ที่ต้องเข้าถึงนโยบายและความต้องการของโรงเรียน
เป็นผู้ที่นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสม
ต้องเชื่อมโยงความคิดรวบยอดต่าง ๆ จากหลักสูตรเพื่อถ่ายทอดในการจัดการเรียนการสอน
รวมถึงรับผิดชอบโดยตรงต่อการพัฒนาผู้เรียน
และที่สำคัญคือครูทุกคนจำเป็นต้องได้รับการเสริมสร้างพลังอำนาจ
เพื่อให้ครูมีโอกาสที่จะพัฒนาตัวเองไปสู่ความเป็น “ครูมืออาชีพ”
ที่แสดงบทบาททั้งในและนอกโรงเรียนนั่นคือ
“ครูต้องมีความรับผิดชอบสูง
มีทักษะการสอนที่ดี มีความยืดหยุ่น ทำงานอยู่บนพื้นฐานของข้อมูล
และเป็นที่พึ่งหวังของนักเรียน”
การเสริมสร้างพลังอำนาจนั้นเป็นทั้งกระบวนการและผลลัพธ์
ดำเนินการเพื่อปรับปรุงสภาวะปกติของโรงเรียน
โดยใช้กลยุทธ์การเรียนรู้ใหม่ที่ส่งผลต่อความเชื่อ ค่านิยม
และเจตคติภายในองค์การให้ดีขึ้น
รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างให้ทันสมัยและเอื้ออำนวยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพต่างๆ
เพื่อช่วยปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานทั้งในระดับโรงเรียน ระดับทีมงาน
และค่านิยมหรือพฤติกรรมการปฏิบัติงานของครูแต่ละคน รวมถึงการมีกิจกรรมร่วมกันในเชิงองค์การที่เป็นชมรม
สมาคม สหภาพครูหรือเครือข่ายอื่นๆ ทั้งในและนอกโรงเรียน (Zimmerman, 2000)
การเสริมสร้างพลังอำนาจครูในโรงเรียนนั้น Blase และ Blasé (1994) เสนอว่าต้องดำเนินการให้ครอบคลุมในสิ่งต่างๆ คือ
การมีส่วนร่วมในการบริหารโรงเรียนของครู
ความเชื่อถือต่อตัวครูของโรงเรียนและพัฒนาเงื่อนไขการทำงานของครู
ระบบเงินเดือนและโครงสร้างความก้าวหน้าในวิชาชีพที่เหมาะสม
การปฏิรูปให้มีระบบการควบคุมวิชาชีพครู
และการที่ครูมีอิสระทางวิชาการและมีความเป็นมืออาชีพ
นอกจากนี้ยังเป็นการดำเนินการของโรงเรียนในการตั้งเป้าหมาย
กำหนดกลยุทธ์และวางแผนในลักษณะบูรณาการเชื่อมโยงกับการปฏิบัติ คุณลักษณะ เจตคติ
และความสามารถของครูแต่ละบุคคลให้เข้ากับกลุ่มหรือทีมงาน
และให้สอดคล้องกับบริบทหรือสภาพการณ์ของโรงเรียน
เพื่อทำให้ครูเกิดความพึงพอใจในการจัดการเรียนการสอนและการปฏิบัติงาน
มีความยึดมั่นผูกพันกับโรงเรียน
และลงมือปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในผลลัพธ์ของงานอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามเป้าหมายในระดับที่โรงเรียนต้องการ
องค์ประกอบและตัวบ่งชี้การเสริมสร้างพลังอำนาจครู
Blase และ
Blasé (1994) เสนอว่ากระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจครูนั้นโรงเรียนต้องดำเนินการในองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1) เชื่อมั่นและให้ความไว้วางใจในความเชี่ยวชาญของครู
2) จัดโครงสร้างและระบบในโรงเรียนเพื่อช่วยให้ครูทำงานได้ดีที่สุด
3) สนับสนุนทรัพยากรในการทำงานและพัฒนาทีมงาน
4) สนับสนุนให้ครูมีอิสระทางวิชาการและคิดค้นนวัตกรรมในการทำงาน
5) จัดรูปแบบความสัมพันธ์และสร้างบรรยากาศในโรงเรียนให้ครูมีส่วนร่วม
6) ลดพฤติกรรมทางลบ และขจัดความเสี่ยงหรืออุปสรรคต่างๆ
7) สร้างค่านิยมในการทำงานที่ดีและให้รางวัล
8) ให้ความร่วมมือช่วยเหลือในการแก้ปัญหา
9) ให้ครูแสดงบทบาทและมีภาวะผู้นำ
2) จัดโครงสร้างและระบบในโรงเรียนเพื่อช่วยให้ครูทำงานได้ดีที่สุด
3) สนับสนุนทรัพยากรในการทำงานและพัฒนาทีมงาน
4) สนับสนุนให้ครูมีอิสระทางวิชาการและคิดค้นนวัตกรรมในการทำงาน
5) จัดรูปแบบความสัมพันธ์และสร้างบรรยากาศในโรงเรียนให้ครูมีส่วนร่วม
6) ลดพฤติกรรมทางลบ และขจัดความเสี่ยงหรืออุปสรรคต่างๆ
7) สร้างค่านิยมในการทำงานที่ดีและให้รางวัล
8) ให้ความร่วมมือช่วยเหลือในการแก้ปัญหา
9) ให้ครูแสดงบทบาทและมีภาวะผู้นำ
นอกจากนี้ Klecker และ Loadman (1998)
ได้สรุปผลการศึกษากระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจครูที่ดำเนินการในโรงเรียนระดับประถมศึกษาของรัฐโอไฮโอ
สหรัฐอเมริกา โดยเสนอว่ามิติการเสริมสร้างพลังอำนาจครูตามทฤษฎีนั้นมี 6 มิติ
ดังนี้
(1) ความก้าวหน้าในอาชีพ
ซึ่งเกิดจากการที่โรงเรียนให้โอกาสในการพัฒนาตนเองเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าในอาชีพ
มีโอกาสที่จะเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถขยายความรู้และทักษะต่างๆ
ไปพร้อมๆ กับวิถีการทำงานในโรงเรียน
(2) การรับรู้ความสามารถของตนเอง เกิดจากการที่ครูรับรู้ว่าตนเองมีความสามารถในการช่วยเหลือนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ และสามารถพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมต่างๆ ขึ้นมาเพื่อช่วยนักเรียนให้สามารถเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
(3) สถานภาพในการทำงาน เกิดจากการที่ครูได้รับความเคารพนับถือในบทบาทครู การยกย่องยอมรับจากเพื่อนครู และความไว้วางใจในความรู้ความเชี่ยวชาญจากโรงเรียน
(4) ผลกระทบจากงาน เกิดจากการที่ครูรับรู้ถึงผลที่เกิดขึ้นจากข้อมูลย้อนกลับ และรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า ทำงานได้ประสบผลสำเร็จ และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตการทำงานในโรงเรียน
(5) การตัดสินใจ เกิดจากการที่ครูมีโอกาสตัดสินใจในงาน รวมทั้งมีส่วนร่วมในการพิจารณางบประมาณ การคัดเลือกครู การกำหนดตารางสอน การใช้หลักสูตรของโรงเรียน และอื่นๆ
(6) อิสระในการทำงาน เกิดจากการที่ครูมีอิสระในการตัดสินใจและสามารถควบคุมวิถีชีวิตการทำงานของตนเองในการจัดตารางสอน การใช้หลักสูตร หนังสือเรียน รวมทั้งวางแผนการสอน และเรื่องต่างๆ ที่เป็นหน้าที่ของครู
(2) การรับรู้ความสามารถของตนเอง เกิดจากการที่ครูรับรู้ว่าตนเองมีความสามารถในการช่วยเหลือนักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ และสามารถพัฒนาโปรแกรมส่งเสริมต่างๆ ขึ้นมาเพื่อช่วยนักเรียนให้สามารถเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
(3) สถานภาพในการทำงาน เกิดจากการที่ครูได้รับความเคารพนับถือในบทบาทครู การยกย่องยอมรับจากเพื่อนครู และความไว้วางใจในความรู้ความเชี่ยวชาญจากโรงเรียน
(4) ผลกระทบจากงาน เกิดจากการที่ครูรับรู้ถึงผลที่เกิดขึ้นจากข้อมูลย้อนกลับ และรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า ทำงานได้ประสบผลสำเร็จ และเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตการทำงานในโรงเรียน
(5) การตัดสินใจ เกิดจากการที่ครูมีโอกาสตัดสินใจในงาน รวมทั้งมีส่วนร่วมในการพิจารณางบประมาณ การคัดเลือกครู การกำหนดตารางสอน การใช้หลักสูตรของโรงเรียน และอื่นๆ
(6) อิสระในการทำงาน เกิดจากการที่ครูมีอิสระในการตัดสินใจและสามารถควบคุมวิถีชีวิตการทำงานของตนเองในการจัดตารางสอน การใช้หลักสูตร หนังสือเรียน รวมทั้งวางแผนการสอน และเรื่องต่างๆ ที่เป็นหน้าที่ของครู
อย่างไรก็ตามจากการศึกษาของ ประวิต เอราวรรณ์ (2548)
ที่ได้ศึกษากระบวนการ OD ในโรงเรียนโดยการเสริมสร้างพลังอำนาจครูในบริบทของประเทศไทย
พบว่ามีความแตกต่างจากต่างประเทศทั้งในส่วนของสิ่งแวดล้อม
สถานภาพโรงเรียนและการมีส่วนร่วมของชุมชนพบว่า
กระบวนการเสริมสร้างพลังอำนาจครูนั้นต้องดำเนินการใน 6 องค์ประกอบดังตาราง 1
ตาราง 1 องค์ประกอบและตัวบ่งชี้วิธีการและผลลัพธ์ของการเสริมสร้างพลังอำนาจครู
องค์ประกอบ
|
ระดับ
|
|||
บุคคล
|
ทีมงาน
|
โรงเรียน
|
||
1.ปรับปรุงโครงสร้างการบริหาร
|
วิธีการ
|
1) ให้ข้อมูลย้อนกลับ2)
ให้อำนาจควบคุมและการตัดสินใจ 3) ให้อิสระในการทำงาน
|
จัดทีมทำงาน
|
1) กระจายอำนาจ2)
ให้มีส่วนร่วม
|
ผลลัพธ์
|
1) ปรับปรุงงานต่อเนื่อง2)
รับผิดชอบในงาน3) รับรู้ความสามารถตน
|
มีการทำงานเป็นทีม
|
1) รู้สึกเป็นเจ้าของงาน2)
ยึดมั่นผูกพันกับโรงเรียน
|
|
2.ปรับปรุงระบบการทำงานใน
โรงเรียน
|
วิธีการ
|
มอบบทบาทหน้าที่
|
จัดระบบการทำงานของทีมต่างๆ
|
1) กำหนดมาตรฐาน
การทำงาน2) วางระบบต่างๆ
|
ผลลัพธ์
|
ปฏิบัติงานได้ถูกต้อง
|
ทีมทำงานมีประสิทธิภาพ
|
1) ผลลัพธ์มีมาตรฐาน2)
การปฏิบัติคล่องตัว
|
|
3.ส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือใน
โรงเรียน
|
วิธีการ
|
สร้างความเป็นผู้นำ
|
แลกเปลี่ยนข้อมูลภายในทีมและระหว่างทีม
|
จัดระบบและช่องทางการติดต่อสื่อสารทั่วถึง
|
ผลลัพธ์
|
มีภาวะผู้นำในงาน
|
มีความร่วมมือระหว่างบุคคลและทีมงาน
|
สื่อสารอย่างสร้างสรรค์และชัดเจน
|
|
4.สร้างบรรยากาศการทำงานในโรงเรียน
|
วิธีการ
|
ให้โอกาสเรียนรู้สิ่งใหม่
|
ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน
|
ให้ความเสมอภาค
|
ผลลัพธ์
|
เกิดความรู้และทักษะใหม่ๆ
|
เกิดนวัตกรรมในการทำงาน
|
มีบรรยากาศประชาธิปไตย
|
|
5.สร้าง
แรงจูงใจในการทำงาน
|
วิธีการ
|
1) จัดสวัสดิการที่จำเป็น2)
ให้รางวัลและชมเชย
|
ฝึกอบรมและพัฒนาทีม
|
1) สนับสนุนทรัพยากร2)
จัดสิ่งแวดล้อมที่ดี
|
ผลลัพธ์
|
1) รู้สึกมั่นคงในชีวิต2)
มุ่งมั่นในการทำงาน
|
ทีมงานมีความเชี่ยวชาญ
|
1) ความพึงพอใจในงาน2)
สิ่งแวดล้อมเอื้อต่อการทำงาน
|
|
6.สร้าง
วัฒนธรรมการทำงานในโรงเรียน
|
วิธีการ
|
1) ให้การยกย่องยอมรับ2)
ให้ความไว้วางใจ
|
เคารพต่อการตัดสินใจของทีม
|
ให้โอกาสอย่างเท่าเทียม
|
ผลลัพธ์
|
1) มีความภูมิใจในตนเอง2)
มีความมั่นใจ
|
ร่วมรับผิดชอบต่อผลลัพธ์
|
ยอมรับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นร่วมกัน
|
นอกจากการดำเนินการตามองค์ประกอบดังที่กล่าวมาแล้ว
การเสริมสร้างพลังอำนาจครูนั้นยังต้องคำนึงถึงเงื่อนไของค์การของโรงเรียนเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนกระบวนการ
OD ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโรงเรียน
3 ประการดังนี้
1) ผู้บริหารโรงเรียนจะต้องมีลักษณะเป็นนักประชาธิปไตย
มีวิสัยทัศน์ บริหารงานโดยเน้นการมีส่วนร่วมของครู
มีภาวะผู้นำในการปรับปรุงพัฒนาและเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง
มีความยืดหยุ่นในการบริหารและรู้จักใช้กลยุทธ์ในการพลิกภาวะปัญหาที่รุมเร้าไปเป็นโอกาสในการพัฒนาองค์การได้
2) ระบบการสนับสนุนจากภายนอก
เป็นการสนับสนุนทั้งแง่การให้ความร่วมมือในกิจกรรมของโรงเรียนและการสนับสนุนทรัพยากรจากหน่วยงานภายนอกและชุมชน
หากโรงเรียนได้รับการสนับสนุนที่ดีก็จะเป็นเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การทำ OD ในโรงเรียนให้ประสบผลสำเร็จได้
3) ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนกับชุมชน
หากโรงเรียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนและเปิดช่องทางให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทาง
และเป้าหมายของโรงเรียนตั้งแต่ต้นก็จะสนับสนุนให้กระบวนการ OD ในโรงเรียนมีเป้าหมายที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนด้วย
หากเราจะวิเคราะห์ภาพการพัฒนาครูของลำปลายมาศพัฒนาก็จะพบว่า
ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อโรงเรียนก็คือการเสริมสร้างพลังอำนาจครู
และเชื่อมโยงปัจจัยต่างๆ เข้าไปในกระบวนการ ได้แก่
อิสระในการทำงานของครูให้สามารถคิดและลงมือปฏิบัติด้วยตนเองอย่างสมัครใจ
การมอบหมายอำนาจหน้าที่ที่ชัดเจน ให้ความสำคัญกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
การมีส่วนร่วมในการควบคุมสิ่งที่มีผลต่อครูและในงานที่ครูรับผิดชอบ
บรรยากาศในการทำงาน การใช้นวัตกรรมใหม่ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้ครู
การสร้างทีมและการทำงานเป็นทีม การให้ข้อมูลย้อนกลับที่มีประโยชน์
ความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร การยอมรับจากผู้บริหารและเพื่อนร่วมงาน ขวัญกำลังใจจากผลสำเร็จของการปฏิบัติงาน
โอกาสในการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองให้เกิดความก้าวหน้าในวิชาชีพ
การให้เกียรติและไว้วางใจในบทบาทและการทำงาน
รวมถึงผู้บริหารและครูร่วมกันยอมรับความผิดพลาดหากเกิดขึ้นจากหน้าที่รับผิดชอบ
เอกสารอ้างอิง
ประวิต เอราวรรณ์. (2548).
การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างพลังอำนาจครูในโรงเรียน:
กรณีศึกษาโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 24(3), 43-54.
Blasé, J., & Blasé, J. R. (1994). Empowering
teachers what successful principals do.
Thousand Oaks, CA: Corwin Press.
Duffy, G. G. (1992). Let’s
free teachers to be inspired. Phi delta Kappa, 73(16),
442-447.
Klecker, B. M., & Loadman, W. E. (1998, November). Empowering elementary teachers
in restructuring schools: Dimensions to guide
the mission. Paper presented at the annual meeting of the Mid-South
Educational Research Association,
New Orleans.
Short, P. M., Greer, J. T., & Melvin, W. M. (1994). Creating empowered
schools:
lessons in change. Journal
of Educational Administration, 32(4), 38-52.
Zimmerman, M. A. (2000). Empowerment
theory: handbook of community psychology.
New York: Academic/Plenum Publishers.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น